ประวัติบริษัทที่สำคัญ

ประวัติบริษัทที่สำคัญ

การเปลี่ยนแปลงและพัฒนาการที่สำคัญ ดังนี้

2530

ก่อตั้งบริษัท เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน เพื่อประกอบธุรกิจการนำเข้าผลิตภัณฑ์อาหารกุ้งจากประเทศไต้หวัน และดำเนินการเพาะเลี้ยงกุ้งกุลาดำ

2533

เริ่มดำเนินการผลิตอาหารกุ้งเพื่อขายภายในประเทศและผลิตภัณฑ์แปรรูปแช่แข็งเพื่อการส่งออก โดยการลดการนำเข้าอาหารสัตว์นํ้า

2537

ดำเนินการแปรสภาพเป็นบริษัทมหาชนจำกัด ในเดือนกุมภาพันธ์เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไป และในเดือนกันยายน ได้รับอนุญาตให้นำหุ้นสามัญเข้าจดทะเบียนเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

2547

ขยายกำลังการผลิตอาหารปลา โดยสร้างโรงงานผลิตอาหารปลาแห่งใหม่ในพื้นที่โรงงานจังหวัดเพชรบุรี และเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัท เอส เอ็ม พี ฟู้ด โปรดักส์ จำกัด เป็นร้อยละ 21.43

2548

ดำเนินการเปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้นที่ตราไว้ของหุ้นสามัญของบริษัทจากหุ้นละ 10 บาทเป็นหุ้นละ 1 บาท และดำเนินการเพิ่มทุนจดทะเบียนเพื่อรองรับการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัท ซึ่งจะออกและเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมและแก่กรรมการและพนักงานของบริษัท

2551

หยุดการผลิตอาหารปลาในเขตโรงงานจังหวัดสมุทรสงคราม เพื่อเปลี่ยนฐานการผลิตมายังโรงงานเพชรบุรี

2555

บริษัทได้รับการรับรองระบบมาตรฐานการจัดการสิ่งแวดล้อม (ISO 14001) ) จากสถาบัน ยูไนเต็ด รีจีสตร้า ออฟ ซีสเท็มส์ (ประเทศไทย) จำกัด

2556

  • ลงทุนในบริษัท ไทยดีมีเทอร์ จำกัด ในสัดส่วนร้อยละ 100 เพื่อจำหน่ายวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตอาหารสัตว์
  • เปิดศูนย์วิจัยและพัฒนาอาหารสัตว์น้ำ ในจังหวัดสมุทรสงคราม เพื่อใช้เป็นหน่วยงานในการวิจัยและพัฒนาอาหารและสายพันธุ์สัตว์น้ำเศรษฐกิจ

2558

  • แต่งตั้งพลอากาศเอกพิธพร กลิ่นเฟื่อง เข้าดำรงตำแหน่งประธานกรรมการบริษัท
  • ในเดือนกรกฎาคมได้เปิดโรงงานผลิตอาหารสัตว์แห่งใหม่ที่จังหวัดสงขลา
  • ในเดือนสิงหาคมได้ลงนามสัญญารับจ้างผลิตอาหารสัตว์เลี้ยง (PET Food) ร่วมกับ บริษัท นูทริกซ์ จำกัด (มหาชน)
  • แต่งตั้งนายกิติพัฒน์ ชลวุฒิ เข้าดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
  • ปรับสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัท ไทยลักซ์ ฟู้ด โปรดักส์ จำกัด (ปัจจุบันคือ บริษัท เอ็นพีพี ฟู้ด เซอร์วิส จำกัด) เป็นบริษัทถือหุ้นร้อยละ 55 และ บริษัท นิปปอน แพ็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ถือหุ้นร้อยละ 45 ของทุนจดทะเบียนที่เรียกชำระแล้ว
  • จัดตั้งบริษัทร่วมแห่งใหม่ในนามบริษัท เอ็นพีพี ฟู้ด อินคอร์ปอเรชั่น จำกัด เพื่อรองรับการบริหารจัดการธุรกิจร้านอาหาร A&W โดยบริษัทถือหุ้นในอัตราร้อยละ 45 และ บริษัท นิปปอน แพ็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ถือหุ้นร้อยละ 55 ของทุนจดทะเบียนที่เรียกชำระแล้ว

2560

  • เดือนเมษายน มีมติอนุมัติการออกและเสนอขายหุ้นกู้ในวงเงินมูลค่าไม่เกิน 2,000 ล้านบาท
  • เดือนเมษายน มีมติแต่งตั้ง ดร.พงศ์รักษ์ จินดาสมบัติเจริญ และพันตำรวจโทเธียรรัตน์ วิเชียรสรรค์ เข้าดำรงตำแหน่งกรรมการ
  • เดือนกรกฎาคม ออกและเสนอขายหุ้นกู้จำนวน 260.5 ล้านบาท
  • เดือนกันยายน พลเอกเชาวฤทธิ์ ประภาจิตร์ ลาออกจากตำแหน่งรองประธานกรรมการบริษัท แต่ยังคงดำรงตำแหน่งกรรมการ โดยแต่งตั้งดร.พงศ์รักษ์ จินดาสมบัติเจริญ เข้าดำรงตำแหน่งรองประธานกรรมการบริษัทแทน และแต่งตั้งพลเอกเชาวฤทธิ์ ประภาจิตร์ เข้าดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร

2561

  • ผ่านการรับรองและเป็นสมาชิกแนวร่วมปฏิบัติของภาคเอกชนไทยในการต่อต้านทุจริต(Thailand’s Private Sector Collective Action Coalition Against Corruption: CAC) อย่างสมบูรณ์ ประจำไตรมาส 1/2018
    • เดือนกันยายน เปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท พีพีไพร์ม จำกัด (มหาชน)โดยกลุ่มบริษัทภายใต้การบริหารงาน ได้แก่ บริษัท ไทยลักซ์ เอ็นเตอร์ไพรส์ (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท ทีลักซ์ พาวเวอร์ จำกัด, บริษัท ทีลักซ์ โกลบอล บิสซีเนส จำกัด

2564

  • เดือน กุมภาพันธ์- นางกนกวัลย์ วรรณบุตร  และนางสาวภัทชรดา จุฑาประทีป ลาออกจากตำแหน่งกรรมการบริษัท
  • แก้ไขข้อกำหนดสิทธิของหุ้นกู้รุ่น TLUXETLUXE213A ให้ขยายระยะเวลาครบกำหนดไถ่ถอนหุ้นกู้จากเดิมที่ครบกำหนด 18 มีนาคม 2564 เป็นครบกำหนด 18 มีนาคม 2566 และแก้ไขเปลี่ยนแปลงวันชำระดอกเบี้ยหุ้นกู้ทุก 6 เดือน โดยชำระทุกวันที่ 21 มีนาคม และวันที่ 21 กันยายน ของทุกปีตลอดอายุหุ้นกู้ และแก้ไขเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยหุ้นกู้เป็นอัตราร้อยละ 8.598.59ต่อปี และแก้ไขข้อกำหนดสิทธิโดยขอยกเว้นเงื่อนไขการดารงสัดส่วนหนี้สินต่อทุน
  • แก้ไขข้อกำหนดสิทธิของหุ้นกู้รุ่น TLUXETLUXE205A ให้ขยายระยะเวลาครบกำหนดไถ่ถอนหุ้นกู้จากเดิมที่ครบกำหนด 8 พฤษภาคม 2564 เป็นครบกำหนด 8 พฤษภาคม 25666 และแก้ไขเปลี่ยนแปลงวันชำระดอกเบี้ยหุ้นกู้ทุก 6 เดือน โดยชำระทุกวันที่ 8 กุมภาพันธ์ และวันที่ 8 สิงหาคม ของทุกปีตลอดอายุหุ้นกู้ และแก้ไขเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยหุ้นกู้เป็นอัตราร้อยละ 7.067.06ต่อปี และแก้ไขเปลี่ยนแปลงสถานที่ตั้งเครื่องจักรที่ใช้เป็นหลักประกันหุ้นกู้
  • แก้ไขข้อกำหนดสิทธิของหุ้นกู้รุ่น TLUXETLUXE198A ให้ขยายระยะเวลาครบกำหนดไถ่ถอนหุ้นกู้จากเดิมที่ครบกำหนด 2 กรกฏาคม2564 เป็นครบกำหนด 2 กรกฏาคม25666และแก้ไขเปลี่ยนแปลงวันชำระดอกเบี้ยหุ้นกู้ทุก 6 เดือน โดยชำระทุกวันที่ 2 พฤษภาคม และวันที่ 2 พฤศจิกายน ของทุกปีตลอดอายุหุ้นกู้ และแก้ไขเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยหุ้นกู้เป็นอัตราร้อยละ 7.837.83ต่อปี และแก้ไขข้อกำหนดสิทธิโดยขอยกเว้นเงื่อนไขการดารงสัดส่วนหนี้สินต่อทุน
  • ยกเลิกข้อตกลงเรื่องการชำระส่วนต่างของเงินที่ได้จากการขายหุ้นบริษัท สตาร์ ยูนิเวอร์แซล เน็ตเวิร์ค จากัด (มหาชน) สำหรับหุ้นกู้รุ่น TLUXETLUXE205A
  • เปลี่ยนแปลงที่ตั้งสำนักงานใหญ่ เลขที่ 62-62/1 หมู่ที่ 2 ถนน รพช.อู่ตะเภา ตำบล หนองชุมพล อำเภอ เขาย้อย จังหวัด เพชรบุรี
  • เพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัท จำนวน 1,669,041,301 บาท จากทุนจดทะเบียนเดิมจำนวน 916,901,123 บาท เป็นทุนจดทะเบียนจำนวน 2,585,942,424 บาท เพื่อรองรับการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น (Right OfferingOffering)
  • แก้ไขการกำหนดราคาใช้สิทธิของ PPPM W 4 ให้สามารถปรับราคาใช้สิทธิเป็นราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าที่ตราไว้ของหุ้นของบริษัทได้
  • ยกเลิกสำนักงานสาขาจังหวัดสมุทรสงคราม ที่ตั้งสำนักงาน เลขที่ 69/5 หมู่ที่ 5 ถนน พระราม 2 (กม.71) ตำบล บางขันแตก อำเภอ เมืองสมุทรสงคราม จังหวัดสมุทรสงคราม
  • เพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัท จำนวน 510,000,000 บาท จากทุนจดทะเบียนเดิมจำนวน 2,585,942,424 บาท เป็นทุนจดทะเบียนจำนวน 3 095 942 424 บาท เพื่อรองรับการออกและเสนอขายหุ้นกู้แปลงสภาพให้แก่ผู้ลงทุนโดยเฉพาะเจาะจง
  • ปิดบริษัทย่อย Wind Power A Co.,Ltd . (บริษัทย่อยที่ประเทศฮ่องกง)

 

2566

  • ประชุมผู้ถือหุ้นกู้ TLUXE205A ครั้งที่ 1/2566 โดยที่ประชุมมีมติอนุมัติอนุมัติให้ขยายระยะเวลาครบกำหนดไถ่ถอนหุ้นกู้ TLUXE205A ออกไปอีก 1 ปี
  • อนุมัติการปลดจำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 12516 12532 และ 12533 พร้อมสิ่งปลูกสร้าง ที่จังหวัดสมุทรสงคราม ออกจากการเป็นหลักประกันหุ้นกู้
  • อนุมัติให้นำสิทธิการเช่าพื้นที่บางส่วนของ อาคารโฮมออฟฟิศ ศูนย์การค้า People Park ถนนอ่อนนุช มาจดทะเบียนหลักประกันทางธุรกิจเป็นหลักประกันทดแทน
  • บริษัทฯ ได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกแนวร่วมปฏิบัติของภาคเอกชนไทยในการต่อต้านการทุจริต (Thailand’s Private Sector Collective Action Coalition against Corruption : CAC) ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2561 ปัจจุบันบริษัทฯ ได้รับการต่ออายุรับรอง เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2563 เป็นระยะเวลา 3 ปี นับจากวันที่มีมติให้การรับรอง วันที่ 31 ธันวาคม 2563 และครบกำหนดในวันที่ 31 ธันวาคม 2566
  • บริษัท พีพี ไพร์ม จำกัด (มหาชน) หรือ PPPM ได้รับคัดเลือกให้รับรางวัล Sustainability Disclosure Acknowledgement หรือ กิตติกรรมประกาศการเปิดเผยข้อมูลความยั่งยืน ประจำปี 2566 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 จากสถาบันไทยพัฒน์ โดยกรรมการและคณะกรรมการการพัฒนาอย่างยั่งยืน
  • เพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัท จำนวน 12,358,187,147 บาท จากทุนจดทะเบียนเดิมจำนวน 11,824,853,815 บา

2568

  • เพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัท จำนวน 771,684,034 บาท จากทุนจดทะเบียนเดิมจำนวน 770,592,734 บาท
  • เพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัท จำนวน 772,432,034 บาท จากทุนจดทะเบียนเดิมจำนวน 771,684,034 บาท
  • แต่งตั้งกรรมการ แต่งตั้งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร แต่งตั้งรักษาการผู้อำนวยการสายบัญชีและการเงิน (CFO)
  • เพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัท จำนวน 782,914,214 บาท จากทุนจดทะเบียนเดิมจำนวน 772,432,034 บาท
  • เพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัท จำนวน 794,596,456 บาท จากทุนจดทะเบียนเดิมจำนวน 782,914,214 บาท
  • เพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัท จำนวน 795,693,797 บาท จากทุนจดทะเบียนเดิมจำนวน 794,596,456 บาท
  • เพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัท จำนวน 809,134,657 บาท จากทุนจดทะเบียนเดิมจำนวน 795,693,797 บาท

2532

สร้างโรงงานผลิตอาหารสัตว์นํ้าและโรงงานแปรรูปสัตว์นํ้าแช่แข็งที่จังหวัดสมุทรสงคราม

2536

เพิ่มสายการผลิตอาหารปลาขึ้น และได้รับรางวัลบริษัทดีเด่นแห่งปีประจำปี 2536 สาขาประเภทธุรกิจส่งออกสินค้าเกษตรอุตสาหกรรม

2541

ได้ระงับการผลิตผลิตภัณฑ์แปรรูปแช่แข็งลงเนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจถดถอยภายในประเทศ

2542

เปิดโรงงานผลิตอาหารสัตว์นํ้าแห่งใหม่ที่จังหวัดเพชรบุรี และเปลี่ยนฐานการผลิตอาหารกุ้งทั้งหมดไปยังโรงงานใหม่ และมีการลงทุนโดยเข้าถือหุ้นร้อยละ 10 ในบริษัท เอส เอ็ม พี ฟู้ด โปรดักส์ จำกัด ซึ่งประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายอาหารแปรรูปกุ้งแช่เยือกแข็ง เพื่อจัดจำหน่ายภายในประเทศและส่งออกต่างประเทศ

2544

บริษัท ได้รับการรับรองมาตรฐานระบบคุณภาพ ISO9002 จากสถาบัน UKAS ประเทศอังกฤษ โดยเป็นโรงงานผลิตและจำหน่ายอาหารกุ้งแห่งแรกของประเทศไทยที่ได้รับการรับรองระบบคุณภาพ ISO9002

2546

บริษัทได้รับการรับรองมาตรฐานระบบคุณภาพ ISO9001 : 2000 จากสถาบัน UKAS ประเทศอังกฤษ และโรงงานอาหารกุ้งได้รับการรับรองมาตรฐานระบบการผลิต GMP และ HACCP จากกรมปศุสัตว์ ซึ่งถือเป็นโรงงานผลิตอาหารกุ้งแห่งแรกของประเทศไทยที่ได้รับการรับรองทั้ง 2 ระบบ และยังได้รับการรับรองเครื่องหมาย Q Mark จากกรมปศุสัตว์อีกด้วย

2550

โรงงานอาหารปลาแห่งใหม่ในพื้นที่โรงงานจังหวัดเพชรบุรี ได้รับการรับรองมาตรฐานระบบการผลิต GMP และ HACCP จากกรมปศุสัตว์ จึงทำให้บริษัท ได้รับการรับรองมาตรฐานระบบการผลิตสมบูรณ์ทั้งระบบ

2552

ได้รับการรับรองมาตรฐานระบบคุณภาพ ISO9001 : 2008 และบริษัทได้ทำการเปลี่ยนแปลงตราสัญลักษณ์บริษัทใหม่ เพื่อการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยตราสัญลักษณ์บริษัทใหม่แสดงถึงก้าวต่อก้าวสู่ความสำเร็จสูงสุด ใส่ใจสังคมสิ่งแวดล้อม

2554

ได้ดำเนินการเพิ่มทุนจดทะเบียนเพื่อรองรับการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัท ซึ่งจะออกและเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมและแก่กรรมการและพนักงานของบริษัท และเพื่อรองรับการออก Taiwan Depositary Receipts : TDRs

เริ่มประกอบธุรกิจเพาะเลี้ยงสัตว์นํ้า โดยดำเนินการเลี้ยงปลาทับทิมในกระชังในจังหวัดกาญจนบุรี และดำเนินการเลี้ยงกุ้งในบ่อกุ้งในจังหวัดชุมพร

ได้รับรางวัลบริษัทจดทะเบียนด้านผลการดำเนินงานยอดเยี่ยม (Company Performance Awards) และผู้บริหารสูงสุดยังได้รับรางวัลผู้บริหารสูงสุดดีเด่น เพื่อเข้าชิงรางวัลผู้บริหารสูงสุดยอดเยี่ยม (CEO Awards) ในงาน SET AWARDS 2011 ซึ่งจัดขึ้นโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

มีการเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัท เอส เอ็ม พี ฟู้ด โปรดักส์ จำกัด เป็นร้อยละ 96.43 จึงได้เปลี่ยนสถานะของบริษัทดังกล่าวจากบริษัทร่วมเป็นบริษัทย่อย

2557

  • มีการเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัท เอส เอ็ม พี ฟู้ด โปรดักส์ จำกัด เป็นร้อยละ 97.79 และดำเนินการเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท ไทยลักซ์ ฟู้ด โปรดักส์ จำกัด (ปัจจุบันคือ บริษัท เอ็นพีพี ฟู้ด เซอร์วิส จำกัด)
  • ได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO/IEC17025 : 2005 จากกรมวิทยาศาสตร์บริการ โดยมีขอบข่ายของการรับรองโปรตีนและไขมัน เพื่อสร้างความเชื่อถือในผลการทดสอบของห้องปฏิบัติการของบริษัท

2559

  • เดือนมกราคมที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นได้มีมติอนุมัติให้บริษัทออกและเสนอขายหุ้นกู้ภายในวงเงินไม่เกิน 1,500,000,000 บาท
  • เดือนกุมภาพันธ์บริษัทลงทุนในหุ้นสามัญของบริษัท เอแคป แอ๊ดไวเซอรี่ จำกัด (มหาชน) (“ACAP”) มูลค่าเงินลงทุนรวมทั้งสิ้นจำนวนไม่เกิน 280 ล้านบาท และบริษัททำสัญญาจองพื้นที่เพื่อเช่าพื้นที่ในโครงการพีเพิล พาร์ค อ่อนนุช ซึ่งเป็นอาคารโฮมออฟฟิศ จำนวน 8 ห้องมีกำหนดระยะเช่า 18 ปีเพื่อต่อยอดธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง ให้เป็น PET CENTER
  • เดือนกุมภาพันธ์ จัดตั้งบริษัท ทีลักซ์ พาวเวอร์ จำกัด นิติบุคคลสัญชาติไทย บริษัทถือหุ้นในอัตราร้อยละ 100 ของทุนจดทะเบียน ทุนจดทะเบียน 100,000,000 บาท
  • เดือนเมษายน จัดตั้งบริษัท ทีลักซ์ อินเวสเมนต์ จำกัด นิติบุคคลสัญชาติเมอร์ริเชียส ทุนจดทะเบียน 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ โดยบริษัท ทีลักซ์พาวเวอร์ จำกัด ถือหุ้นในอัตราร้อยละ 100 และ จัดตั้งบริษัท ทีลักซ์ โฮลดิ้ง จำกัด นิติบุคคลสัญชาติฮ่องกง ทุนจดทะเบียน 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ
  • เดือนพฤษภาคม บริษัทซื้อกิจการ (โรงไฟฟ้าพลังงานความร้อน Geothermal 4 ยูนิต) จากบริษัท พีพีเอสเอ็น จำกัด (PPSN) นิติบุคคลสัญชาติญี่ปุ่น
  • เดือนมิถุนายน โรงไฟฟ้าพลังงานความร้อน Geothermal PPSN จำนวน 2 ยูนิต สามารถจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์( COD) และ บริษัทได้ซื้อกิจการจากบริษัท ซูโม่ พาวเวอร์ จำกัด (SUMO) นิติบุคคลสัญชาติญี่ปุ่น ซึ่งจะมีโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อน Geothermal จำนวน 8 ยูนิต และบริษัทลงนามในบันทึกข้อตกลงใหม่ที่เกี่ยวข้องกับการรับจ้างผลิตอาหารสัตว์เลี้ยง (PET Food) ร่วมกับ บริษัท นูทริกซ์ จำกัด (มหาชน)
  • เดือนกรกฎาคม บริษัทจำหน่ายไปซึ่งหุ้นทั้งหมดในบริษัทไทยลักซ์ฟู้ด โปรดักส์ จำกัด และในบริษัท เอ็นพีพี ฟู้ด อินคอปอเรชั่น จำกัด ให้แก่ บริษัทนิปปอน แพ็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
  • เดือนสิงหาคมบริษัทร่วมทุน (Joint Venture) กับ บริษัท เซโตอูจิ เนเชอรัล เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (Setouchi) ผ่านบริษัท พีพีเอสเอ็น จำกัด (PPSN) โดยการจัดตั้งนิติบุคคลใหม่ ชื่อ บริษัท เอ็มลักซ์ เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (M-LUXE) นิติบุคคลสัญชาติญี่ปุ่น
  • ปลายปี บริษัท พีพีเอสเอ็น จำกัด (PPSN) ได้จัดตั้งบริษัท โอโตเมยามา จำกัด (ซึ่งถือหุ้น 100% โดย บริษัท พีพีเอสเอ็น จำกัด ) ส่วน บริษัท ซูโม่ พาวเวอร์ จำกัด จัดตั้งบริษัท เอส พาวเวอร์ จำกัด และ บริษัท เอสเอ็นเอส พาวเวอร์ จำกัด (ซึ่งถือหุ้น 100% โดยบริษัท ซูโม่ พาวเวอร์ จำกัด) เพื่อดำเนินการขอใบอนุญาตและบริหารจัดการโครงการโรงไฟฟ้าที่มีอยู่

2562

เดือน มิถุนายน
-ได้ใบรับรองจากกระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อรับรองว่า บริษัท ไทยลักซ์ เอ็นเตอร์ไพรส์ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นอุตสาหกรรมสีเขียวระดับที่ 3

2563

  • ตั้งคณะกรรมการดูแลการลงทุนต่างประเทศ
  • แก้ไขข้อกาหนดสิทธิให้ขยายระยะเวลาครบกำหนดหุ้นกู้รุ่น TLUXE 205 AA จากเดิมที่ครบกำหนด 8 พฤษภาคม 2563 เป็นครบกำหนด 8 พฤษภาคม 2564 โดยไถ่ถอนหุ้นกู้บางส่วนจำนวน 15 % (30 ล้านบาท) และไถ่ถอนหุ้นของบริษัท สตาร์ ยูนิเวอร์แซล เน็ตเวิร์ค จำกัด (มหาชน) จำนวน 18,900,200 หุ้น เพื่อขายและชำระหนี้หุ้นกู้ทั้งจำนวน และแก้ไขข้อกำหนดสิทธิโดยขอยกเว้นเงื่อนไขการดำรงสัดส่วนหนี้สินต่อทุน
  • แก้ไขข้อกำหนดสิทธิให้ขยายระยะเวลาครบกำหนดหุ้นกู้รุ่น TLUXE 198 AA จากเดิมที่ครบกำหนด 2 กรกฎาคม 2563 เป็นครบกำหนด 2 กรกฎาคม 2564 โดยไถ่ถอนหุ้นกู้บางส่วนจำนวน 20 % (63.9 ล้านบาท)
  • แก้ไขข้อกำหนดสิทธิของหุ้นกู้รุ่น PPPM 213 A เรื่องการดำรงสัดส่วนหนี้สินต่อทุนจากเดิม 3:1 เป็น 7:1
  • แก้ไขข้อกำหนดสิทธิของหุ้นกู้รุ่น TLUXETLUXE198A เรื่องการดำรงสัดส่วนหนี้สินต่อทุนจากเดิม 3:1 เป็น 7:1
  • ลดทุนจดทะเบียนของบริษัท จำนวน 209,200,252 บาท จากทุนจดทะเบียนเดิมจำนวน 1,126,101,375 บาท เป็นทุนจดทะเบียนจำนวน 916,901,123 บาท โดยวิธีตัดหุ้นสามัญจดทะเบียนที่ยังมิได้ออกจำหน่าย
  • ไถ่ถอนที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างและที่ดินเปล่า ที่จังหวัดสมุทรสงคราม และหุ้นบริษัท ทีลักซ์พาวเวอร์ จำกัด ออกจากการเป็นหลักประกันและนำเครื่องจักรที่จังหวัดสงขลา มาเป็นหลักประกันแทน สำหรับหุ้นกู้รุ่น TLUXETLUXE205A

 

2565

  • เพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัท จำนวน 135,000,000 บาท จากทุนจดทะเบียนเดิมจำนวน 3,095,942,424 บาท เป็นทุนจดทะเบียนจำนวน 3,230,942,424 บาท เพื่อรองรับการใช้สิทธิแปลงสภาพของหุ้นกู้แปลงสภาพที่ออกและเสนอขายหุ้นกู้แปลงสภาพให้แก่ผู้ลงทุนโดยเฉพาะเจาะจงตามมติที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 3 2564 เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2564
  • เพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัท จำนวน 10,719,376,743 บาท จากทุนจดทะเบียนเดิมจำนวน 3,230,942,424 บาท เป็นทุนจดทะเบียนจำนวน 13,950,319,167 บาท
    (1) เพื่อรองรับการเพื่อออกและเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น โดยไม่จัดสรรให้กับผู้ถือหุ้นที่จะทำให้บริษัทมีหน้าที่ตามกฎหมายต่างประเทศ
    (2) เพื่อรองรับการใช้สิทธิใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัท รุ่นที่ 5 (PPPM W 5 )
    (3) เพื่อรองรับการปรับอัตราการใช้สิทธิของใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัท พีพี ไพร์ม จำกัด (มหาชน) รุ่นที่ 4 (PPPM W 4 )
    (4) เพื่อรองรับการใช้สิทธิแปลงสภาพของหุ้นกู้แปลงสภาพที่ออกและเสนอขายหุ้นกู้แปลงสภาพให้แก่ผู้ลงทุนโดยเฉพาะเจาะจงตามมติที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 3 2564 เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2564
  • ไถ่ถอนหุ้นกู้ รุ่น PPPMPPPM213A ก่อนกำหนดทั้งหมด เป็นจำนวนเงิน 186,840,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย และชำระค่าธรรมเนียมในการไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนครบกำหนดให้แก่ผู้ถือหุ้นกู้แต่ละรายในอัตราเท่ากับร้อยละ 0.25 ของจำนวนเงินต้นหุ้นกู้ที่บริษัทชำระคืนให้แก่ผู้ถือหุ้นกู้แต่ละราย
  • ไถ่ถอนหุ้นกู้ รุ่น TLUXETLUXE198AA ก่อนกำหนดทั้งหมด เป็นจำนวนเงิน 225,720,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย และชำระค่าธรรมเนียมในการไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนครบกำหนดให้แก่ผู้ถือหุ้นกู้แต่ละรายในอัตราเท่ากับร้อยละ 0.25 ของจำนวนเงินต้นหุ้นกู้ที่บริษัทชำระคืนให้แก่ผู้ถือหุ้นกู้แต่ละราย
  • ลดทุนจดทะเบียนของบริษัทจำนวน 1,275,078,053 บาท จากทุนจดทะเบียนเดิมจำนวน 13,950,319,167 บาท เป็นทุนจดทะเบียนจำนวน 12,675,241,114 บาท โดยวิธีตัดหุ้นสามัญจดทะเบียนที่ยังมิได้ออกจำหน่าย
    (1) เพื่อรองรับการออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น โดยไม่จัดสรรให้กับผู้ถือหุ้นที่จะทำให้บริษัทมีหน้าที่ตามกฎหมายต่างประเทศ
    (2) เพื่อรองรับการออกและเสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัท รุ่นที่ 5 (PPPM WW5) ที่จัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทที่จองซื้อและได้รับจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่ออกและเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น โดยไม่จัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นที่จะทำให้บริษัทมีหน้าที่ตามกฎหมายต่างประเทศ
  • เพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทจำนวน 2,300,000,000 บาท จากทุนจดทะเบียนเดิมจำนวน 12,675,241,114 บาท เป็นทุนจดทะเบียนจำนวน 14,975,241,114 บาท เพื่อรองรับการการใช้สิทธิแปลงสภาพของหุ้นกู้แปลงสภาพให้แก่ผู้ลงทุนโดยเฉพาะเจาะจง
  • ไถ่ถอนหุ้นกู้ รุ่น TLUXE 205 A ก่อนกำหนดบางส่วน เป็นจำนวนเงิน 60,000,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย และชำระค่าธรรมเนียมในการไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนครบกำหนดให้แก่ผู้ถือหุ้นกู้แต่ละรายในอัตราเท่ากับร้อยละ 0.15 ของจำนวนเงินต้นหุ้นกู้ที่บริษัทชำระคืนให้แก่ผู้ถือหุ้นกู้แต่ละราย
  • ได้รับรางวัลกิตติกรรมประกาศการเปิดเผยข้อมูลความยั่งยืน ประจำปี 2565 (Sustainability Disclosure Acknowledgement) ซึ่งจัดขึ้นโดยสถาบันไทยพัฒน์

2567

  • แต่งตั้งรองประธานบริษัท
  • ลดทุนจดทะเบียนของบริษัท จำนวน 1,443,132,226 บาท จากทุนจดทะเบียนจำนวน 14,975,241,114 บาท เป็นทุนจดทะเบียนจำนวน 13,532,108,888 บาท โดยการตัดหุ้นสามัญที่ ยังไม่ได้ออกจำหน่าย จำนวน 1,443,132,226 หุ้น
  • เพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัท 12,580,409,369 จำนวน บาท จากทุนจดทะเบียนเดิมจำนวน 12,358,187,147 บาท
  • เพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัท 12,802,631,380 จำนวน บาท จากทุนจดทะเบียนเดิมจำนวน 12,580,409,369 บาท
  • ลดทุนจดทะเบียนของบริษัท จำนวน 13,805,503,436 บาท จากทุนจดทะเบียนเดิม จำนวน14,532,108,880.00 บาท เป็นทุนจดทะเบียน จำนวน 726,605,444 บาท
  • แต่งตั้งกรรมการ แต่งตั้งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
  • เพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัท จำนวน 640,131,631 บาท จากทุนจดทะเบียนเดิมจำนวน 640,131,569 บาท
  • เพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัท จำนวน 770,440,494 บาท จากทุนจดทะเบียนเดิมจำนวน 640,131,631 บาท
  • เพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัท จำนวน 770,592,734 บาท จากทุนจดทะเบียนเดิมจำนวน 770,440,494 บาท
  • ตรวจประเมินมาตรฐาน GMP & HACCP เพื่อต่ออายุใบรับรอง ( Re Cert.) พร้อมยกระดับระบบมาตรฐาน เป็น GHP และ HACCP
  • พีพี ไพร์ม ได้รับการรับรองต่ออายุสมาชิก CAC ต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 2
  • พีพี ไพร์ม คว้ารางวัล Sustainability Disclosure Acknowledgement ประจำปี 2567 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3